25 กุมภาพันธ์ 2564, จังหวัดชลบุรี – รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการพัฒนา Thailand Digital Valley ศูนย์กลางการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ ทดลองเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงสำหรับดิจิทัลสตาร์ทอัพและบริษัทชั้นนำระดับโลกในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หนึ่งในโครงการสำคัญที่ขับเคลื่อนโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการพัฒนา Thailand Digital Valley บนพื้นที่ 30 ไร่ของเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand: EECd) ในอำเภอศรีราชา โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า สังกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งมี ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า คณะผู้บริหารและพนักงานร่วมให้การต้อนรับ
ดร.ณัฐพล กล่าวว่า Thailand Digital Valley จะมีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางการออกแบบ พัฒนา วิเคราะห์ ทดสอบ ทดลองเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูง สำหรับดิจิทัลสตาร์ทอัพและบริษัทชั้นนำระดับโลก ก่อนต่อยอดสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ เป็นระบบนิเวศที่เชื่อมโยงบริษัทชั้นนำกับดิจิทัลสตาร์ทอัพในเทคโนโลยีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีเพื่อการเงิน (FinTech) เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร (AgTech) เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว (Travel Tech) เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (Health Tech) เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) และเทคโนโลยีเพื่อการบริการภาครัฐ (GovTech)
“Thailand Digital Valley จะทำให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศที่เป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค (ASEAN Digital Hub) ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลของคนไทย เกิดการค้าและการลงทุนจากดิจิทัลสตาร์ทอัพต่างชาติ ตลอดจนบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
Thailand Digital Valley มีพื้นที่ใช้สอยรวม 86,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย
1. พื้นที่บริการครบวงจร (Digital One Stop Service) ขนาดพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร สร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2563 มีดิจิทัลสตาร์ทอัพจองสิทธิ์เช่าเต็มพื้นที่แล้ว โดยจะเป็นสถานที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักลงทุน เป็นพื้นที่ทำงานสำหรับสตาร์ทอัพไทยในภาคตะวันออก และบริษัทเทคดิจิทัล (Digital Tech) ตลอดจนเป็นศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการดำเนินธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทย อีกทั้งเป็นที่ทำการสำนักงานฯ สาขาภาคตะวันออก
2. พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ (Digital Startup Knowledge Exchange Centre) ขนาดพื้นที่ 4,500 ตารางเมตร ได้รับเกียรติจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564 ถือเป็นพื้นที่สร้างเครือข่ายธุรกิจดิจิทัลและชุมชนในรูปแบบสร้างสรรค์ร่วมกัน (Co-working Space) รองรับการอยู่อาศัยของเหล่านักพัฒนาและดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยในอนาคต
3. พื้นที่พัฒนานวัตกรรมเทคดิจิทัล (Digital Innovation Centre) ขนาดพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี โดยจะเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงระหว่างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยในระดับภูมิภาค มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพื้นที่เรียนรู้เพื่อการสร้างสรรค์ (Maker Space) พื้นที่ทดลอง ทดสอบเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม 5G (5G Lab) พื้นที่ปฏิบัติการล้ำสมัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Lab) พื้นปฏิบัติการและพัฒนาเทคโนโลยีไอโอที (IoT Lab) พื้นที่ปฏิบัติการและพัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือน (AR/VR Lab) พื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Innovation Lab) ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (Design Center) และมีพื้นที่การออกแบบนวัตกรรมดิจิทัลขนาด 10,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
4. พื้นที่ประลองเทคดิจิทัล (Digital Edutainment Complex) ขนาดพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร สำหร้บทดสอบทดลองนวัตกรรมดิจิทัล รองรับกิจกรรมจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ท้าทายความสามารถ เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาบุคลากรในมิติต่าง ๆ ระหว่างเทคโนโลยีกับความคิดและธุรกิจ เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ อาทิ ศูนย์พัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Robotic School) พื้นที่การแข่งขันหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Robot Fighting Arena) ศูนย์พัฒนานวัตกรรมอากาศยานไร้คนขับ (Drone School) พื้นที่การแข่งขันอากาศยานไร้คนขับ (Drone Racing Arena) และการประลองออกแบบสร้างสรรค์การแข่งขันแอนิเมชัน (Animation Competition) 5. พื้นที่ดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก (Digital Go Global Centre) ขนาดพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ Sandbox ให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านการขยายตลาดต่างประเทศสำหรับดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย เชื่อมโยงผลงานการออกแบบ พัฒนา สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีขีดจำกัดด้านกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ เช่น ข้อจำกัดทางภาษี ข้อจำกัดในการประกอบธุรกิจ ฯลฯ เพื่อออกสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป